กิจการร่วมค้า (Joint Venture )
เป็นการรวมตัวของบุคคล บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน ตั้งแต่ 2 ฝ่ายขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินการทางธุรกิจเพื่อผลกำไร ไม่ได้กำหนดสัญชาติ
ประเภทของกิจการร่วมค้า แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
1. แบบไม่จดทะเบียน (Unincorporated Joint Venture )
- ใช้ข้อบังคับทางกฏหมายเหมือนห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มักเป็นการรวมตัวของบริษัทใหญ่ๆ เพื่อรับงานโครงการใหญ่ หรืองานเฉพาะกิจ งานเดียว เช่น Infra-structure เมื่อเสร็จงานแล้วก็จะแยกจากกัน
- เรียกอีกอย่างว่า contractual joint venture
- การเสียภาษี เสียภาษีนิติบุคคล 30% กำไรส่วนที่เหลือ หุ้นส่วนแบ่งกันโดยไม่ต้องเสียภาษีอีก
- เมื่อมีผู้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย บริษัทที่รวมตัวกันต้องร่วมกันรับผิดชอบเต็มจำนวนที่เกิดความเสียหาย
2. แบบจดทะเบียน( Incorporate Joint Venture )
- มักเป็นกิจการที่ร่วมกระทำกันโดยถาวร มีการจดทะเบียนเป็นบริษัท ฐานะทางกฏหมายเหมือนบริษัท
- ทั้งสองฝ่ายจะถือหุ้นเป็นอัตราส่วนต่อกัน ถ้าร่วมกับต่างชาติ บริษัทไทยต้องถือหุ้นเกิน 50% (51:49)
- มีข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น หรือสัญญาร่วมค้า(Shareholder Agreement or Joint Venture Agreement )
- การฟ้องให้บริษัทชดใช้หนี้ หลังจากบริษัทชำระบัญชีแล้ว เจ้าหนี้สามารถติดตามหนี้ได้อีก 10 ปี
เหตุผลในการทำกิจการร่วมค้า (Joint Venture )
1. ด้านเงินทุน
– ร่วมค้า ร่วมทุน กรณีต้องใช้เงินทุนมาก
– ร่วมค้า ร่วมทุน กรณีต้องใช้เงินทุนมาก
- เป็นการเพิ่มความเชื่อถือในตลาดเงินทุน กู้เงินได้ง่าย
- ทรัพย์สินที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์ในบริษัท ให้ตีเป็นมูลค่าหุ้น
- ทรัพย์สินที่นำเข้ามาใช้ประโยชน์ในบริษัท ให้ตีเป็นมูลค่าหุ้น
2. ด้านเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรทางธุรกิจอื่น
– บริษัทไม่มีความเชี่ยวชาญ ขาดความรู้ในบางด้าน จึงต้องหาบริษัทอื่นที่มีความรู้ความชำนาญมาร่วมงาน
3. ด้านการกระจายความเสี่ยง
– ได้กระจายผลขาดทุน
- การได้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยลดความเสี่ยง เพราะได้ประโยชน์จากประสบการณ์ และความรู้ความชำนาญที่มากขึ้น
4. ลดการแข่งขันและต้นทุน
– ธุรกิจประเภทเดียวกัน ร่วมมือกันได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ลดการแข่งขัน ลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน
– ธุรกิจประเภทเดียวกัน ร่วมมือกันได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ลดการแข่งขัน ลดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน
5. ด้านการบัญชีและการเงิน
- มีบัญชีแยกต่างหากจากธุรกิจเดิม
- หนี้ที่เกิดจากการทำกิจการค้าร่วมจะไม่ปรากฏในบัญชีของธุรกิจเดิม ทำให้สามารถกู้ได้มากขึ้น ไม่เป็นการเสียเครดิต
ขั้นตอนกระบวนการในการเข้าทำกิจการร่วมค้า
1. ติดต่อ หรือได้รับการติดต่อจากต่างชาติ
– ตอบรับการทาบทาม
- ขอข้อมูลรายละเอียดของโครงการที่เสนอ พร้อมลงนามรักษาความลับทั้งสองฝ่าย
2. วิเคราะห์ความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมทุน ทั้งทางด้านเทคนิค การเงิน การพาณิชย์ ด้านกฏหมาย
2. วิเคราะห์ความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมทุน ทั้งทางด้านเทคนิค การเงิน การพาณิชย์ ด้านกฏหมาย
3 เตรียมการเจรจา ซึ่งต้องมีประเด็นในการเจรจาดังนี้
- ขอบเขตและวัตถุประสงค์ของการร่วมทุน
- ด้านการเงิน ได้แก่ จำนวนเงินลงทุน ข้อผูกพันของผู้ร่วมทุน สัดส่วนการถือหุ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ข้อจำกัดการโอนหุ้น นโยบายบริหารการเงิน การเพิ่มทุน
- แนวทางการบริหารกิจการ: นโยบายบริหาร การประชุม องค์ประชุมผู้ถือหุ้น การลงมติ
- การจัดตั้งคณะกรรมการบริษัท
- การกำหนดตำแหน่งคณะกรรมการจัดการ
- สัญญาต่อเนื่อง : จำนวน ชนิด ค่าตอบแทนในสัญญาต่อเนื่องแต่ละฉบับ
- การเลิกสัญญา
4. เจรจา มีหัวหน้าทีมที่มีอำนาจตัดสินใจ 1คน นักเจรจา 1คน เน้นหลักการ อย่าเพิ่งลงรายละเอียด
5. ทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น หรือหนังสือแสดงเจตนา (MOU: memorandum of understanding) ซึ่งยังไม่มีผลบังคับ ทางกฏหมาย แต่อย่างไรก็ตามก่อนลงนาม ควรปรึกษานักกฏหมายก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีข้อเสียเปรียบ
6. ร่างสัญญา โดยนักกฏหมาย
7. เจรจาต่อรองสาระสำคัญของสัญญา
8. การลงนามในสัญญา
หลักการเจรจาต่อรอง
1. แยกตัวบุคคลออกจากปัญหาที่ต่อรอง ไม่มีความรู้สึกส่วนตัว ห้ามดูถูกคู่กรณี
2. เน้นประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย
3. หาทางออกที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย คือทุกฝ่ายเป็นผู้ชนะ (win – win situation)
4. ข้อตกลงควรมีเหตุผลและหลักการ
ที่มา http://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=2&ved=0CCwQFjAB&url=http%3A%2F%2Fwww.reocities.com%2Feureka%2Fmeeting%2F7865%2Flaw21.doc&ei=srE2UICMFc3MrQeVnYH4Bw&usg=AFQjCNEmupGhnEmO47Pp_77nT3ygWswHZA&sig2=EAMJSY-SibjrPOTFN13p-Q
ที่มา http://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=2&ved=0CCwQFjAB&url=http%3A%2F%2Fwww.reocities.com%2Feureka%2Fmeeting%2F7865%2Flaw21.doc&ei=srE2UICMFc3MrQeVnYH4Bw&usg=AFQjCNEmupGhnEmO47Pp_77nT3ygWswHZA&sig2=EAMJSY-SibjrPOTFN13p-Q
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น